ย้อนกลับไปบรรยากาศการลงมติเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร เมื่อ 2562 ตอนที่นายชวน หลีกภัย ชนะได้เป็นประธานสภาฯ จะเห็นว่า มีการขานชื่อและเรียก ส.ส. ออกไปลงคะแนนเลือกใครเป็นประธานสภา ก่อนจะมีการ ตั้งคณะทำงานขึ้นนับคะแนน ขึ้นบอร์ด คล้ายการเลือกตั้ง และประกาศผล วิธีการแบบนี้ ถูกระบุไว้ใน ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ว่า การเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร และ รองประธานสภา จะต้องใช้วิธีออกเสียง “ลงคะแนนแบบลับ”
"ชลน่าน" ยัน ไม่มีสูตรพลิกขั้ว เป็นพรรคอันดับ 1 เชื่อคุมเสียง ส.ส.โหวต ปธ.สภาฯ ได้
ลือสะพัด! "สุดารัตน์" ลาออก ดัน "อนุดิษฐ์" เป็นหัวหน้าพรรค
หมายความว่า จะไม่มีใครรู้ว่า ส.ส.คนไหน พรรคใด ลงคะแนนเลือกใครเป็นประธานสภา จะรู้แค่คราวๆ ว่า หาก ส.ส.ไม่แตกแถวฝ่ามติพรรคตัวเลข คะแนนจะได้ประมาณเท่าไหร่
นี่เป็นหนึ่งในข้อกังวลว่า หาก พรรครวม 8 พรรค ตกลงกันไม่ดี ก็อาจทำให้มี ส.ส.ฝ่ามติพรรค ลงคะแนนให้อีกคนหนึ่งหรือไม่
สำหรับการโหวตเลือกประธานสภา ใช้แค่เสียง กึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร หมายความว่า 251 ขึ้นไปก็ชนะโหวตแล้ว
ขณะที่ เสียงในสภาตอนนี้ ขั้ว 8 พรรค นำโดยก้าวไกล มีเสียง 312 เสียง หากเคลียร์ใจตกลงกันได้ ไม่มีใครแตกแถว ก็จะผ่านฉลุยได้เลย
ส่วนขั้วรัฐบาลเดิม มี 182 เสียง หากจะชนะโหวต ต้องหาเสียงเพิ่มอีก 69 เสียงขึ้นไป
ส่วนพรรคใหม่และพรรคเล็กตอนนี้ มีอยู่ 6 เสียง ดังนั้น จะเรียกว่า ยากก็ยาก แต่หากจะบอกว่าง่ายก็ง่าย ในกรณีที่ เพื่อไทยคุมเสียงคนของตัวเองไม่ได้ เกิดปัญหา ผ่ามติพรรค เลือกอีกคนเป็นประธานสภาแทนคนของก้าวไกลคำพูดจาก เว็บสล็อตลิขสิ
หรือ หากขั้วรัฐบาลเดิม ป่วน ลุกขึ้นเสนอชื่อคนของเพื่อไทย เป็นคู่แข่งประธานสภาฯ นี่ก็อาจทำให้เป็นปัญหาวัดใจกันเองของ 2 พรรคใหญ่
ดังนั้น ด่านแรกก่อนเลือกนายกรัฐมนตรี ก็คือ ด่านการเลือกประธานสภา ที่ก้าวไกลและเพื่อไทย จะต้องจับมือกันฝ่าฟันไปให้ได้ อย่าแตกคอกันเอง