การปรากฎตัวครั้งแรกของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล หลังจากหายจากโควิด สิ่งที่ผู้สื่อข่าวจับตา คือ ท่าทีของนายพิธา กรณีที่ส.ว.เริ่มออกมาให้ความเห็นว่า จะไม่โหวตนายกรัฐมนตรี นายพิธา ยืนยันว่า ไม่กังวล เนื่องจากที่เคยพูดคุยกับส.ว.หลายคน ก็มีดุลยพนิจ มีหลักในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี เมื่อปี 62 ที่เคยให้เหตุผลว่า ใครที่รวมเสียงได้เกิน 251 ก็ไม่อยากฝืนมติของสภาล่าง หรือมติที่มาจากประชาชน เพราะฉะนั้นหากบรรทัดฐานเป็นอย่างนั้น
โดยภาพรวม 250 คน ก็น่าจะเป็นไปตามหลักการที่วุฒิสภาควรยึดให้มั่นมากกว่า ไม่ใช่เลือกของบุคคลที่จะต้องโหวตให้พิธา หรือไม่โหวตให้พิธา เพราะถ้าหากยึดตามหลักการให้มั่นก็ไม่มีอะไรน่ากังวลใจ
วิจัยพบ มนุษย์สูบน้ำบาดาลมากเกินไป จน “แกนโลกเปลี่ยน”
สินค้าเกษตรอ่วม ผลไม้สด-แช่เย็นแช่แข็ง ฉุดส่งออก ติดลบต่อเนื่องเดือนที่ 8 คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
กรณีที่นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. ออกมาระบุว่า นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกลปั่นราคาว่า มีส.ว.จะโหวตให้จำนวนมาก ทั้งที่ในความเป็นจริงมีไม่ถึง 5 เสียง นายพิธา ระบุว่า ขอยืนยันว่า สิ่งที่นางสาวศิริกญญา เคยพูดไว้เป็นเรื่องจริง และขณะนี้ก็พยายามทลายกำแพง ทำความเข้าใจ เพียงแต่วุฒิสภาบางคน ไม่มีโอกาสที่จะออกมาพูด เมื่อถามย้ำว่า จะสามารถระบุจำนวนสว.ที่จะโหวตนายกรัฐมนตรีให้หรือไม่ นายพิธาตอบว่า เพียงพอต่อการที่จะทำให้ตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรี
และจะมีการเพดานโยบายมาตรา 112 ลงเพื่อให้สว.ช่วยโหวต หรือจะยึดตามที่เคยหาเสียงไว้ นายพิธา บอกว่า การแก้ไขมาตรา 112 เป็นสิ่งที่พูดถึงก่อนจะมีการเลือกตั้ง และในเวทีดีเบทหลายเวทีก็พูดชัดเจนว่า การแก้ไขมาตรา 112 จะเป็นทางออกให้สังคมไทย เพราะที่ผ่านมาตรา 112 ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง และกลั่นแกล้งคนเห็นต่างโดยเฉพาะเยาวชน ซึ่งไม่เป็นผลดี เพราะฉะนั้นสิ่งที่จะต้องแก้ไขให้เป็นไปตามบริบทสังคมที่เปลี่ยนไป จึงเชื่อว่า จะไม่ใช่ประเด็นที่ทำให้การจัดตั้งรัฐบาลสะดุด และที่ผ่านมาอาจมีข้อมูลที่ยังเข้าใจผิด จึงยืนยันว่า การแก้ไขคือการแก้ไข ไม่ใช่การยกเลิก
เมื่อถามว่าต่อว่า มาตรา 112 จะเป็นอุปสรรคทำให้ไปไม่ถึงนายกรัฐมนตรี จะทำอย่างไร นายพิธา ระบุว่า คิดว่าถ้าจะมี ก็เป็นสิ่งที่กังวลใจ เพราะเหมือนกับว่า เป็นการเอาเสียงที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนมาปะทะกับสถาบันโดยตรง เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมและเป็นสิ่งที่อันตราย เพราะฉะนั้นอย่านำเรื่องนี้ มาเป็นข้ออ้าง และยังมีอีกหลายเรื่อง ที่เห็นตรงกันแล้วมาบริหารจัดการ ที่เหลือก็เป็นเรื่องของฝ่ายนิติบัญญัติและรัฐสภา
ส่วนกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีการพิจารณา เรื่องมาตรา 112 จะกังวลว่า เป็นจุดที่ทำให้สว.ไม่โหวตหรือไม่ นายพิธา มองว่า ไม่ได้เป็นเรื่องน่ากังวลใจ เพราะเป็นเรื่องของศาลรัฐธรรมนูญ และอัยการสูงสุด ซึ่งการแก้ไขกฎหมายข้อหนึ่ง ไม่เท่ากับการล้มล้างสถาบัน ถือเป็นข้อกล่าวหาที่เกินจริงไปมาก
ขณะที่ตำแหน่งประธานสภาระว่างพรรคก้าวไกล และเพื่อไทย นายพิธา ตอบสั้นๆ ว่า วันที่ 28 มิถุนายน จะมีการพูดคุยกับพรรคเพื่อไทย เมื่อพูดคุยกันแล้วแถลงข่าวร่วมกันดีกว่า ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวพยายาม ถามว่า จะมีแผนสำรองกรณีพรรคก้าวไกลไม่ได้ตำแหน่งประธานสภาหรือไม่ นายพิธาไม่ได้ตอบคำถามนี้ แล้วเดินเข้าไปในห้องรายงานตัว ส.ส.